การเรียนรู้วิธีการเล่นกีตาร์นั้นช่วยสร้างทักษะที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สามารถนำไปสร้างความประทับใจให้กับคนรอบตัวคุณได้
หากคุณหลงใหลในเสียงดนตรีและเสียงกีตาร์โปร่ง
แต่ว่าคุณไม่มีเวลาหรือความอดทนในการฝึกเล่นมากพอล่ะก็
แสดงว่าคุณอาจจะต้องการเล่นให้เป็นเร็วๆ ก็ได้
และถึงแม้ว่าการเล่นกีตาร์ให้ชำนาญอาจจะต้องใช้เวลาเป็นสิบๆ ปี แต่จริงๆ
แล้วก็ยังมีเทคนิคและวิธีการหลายอย่างที่คุณสามารถนำไปใช้เพื่อทำให้ตัวเองเรียนรู้พื้นฐานกีตาร์โปร่งได้เร็วขึ้น
ซึ่งถ้าคุณเรียนรู้วิธีการเล่นคอร์ดเปิดแบบง่ายๆ และลองเล่นตามแทป
และฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอและอย่างถูกวิธี
สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้คุณเล่นกีตาร์โปร่งเป็นได้ภายในระยะเวลาสั้นๆ
ส่วน 1
ทำความเข้าใจพื้นฐานเบื้องต้น
-
1
ดูให้แน่ใจว่ากีตาร์ของคุณตั้งสายตรงแล้ว.
ให้หาจูนเนอร์ไฟฟ้ามาสักอัน
แล้วเอามาเช็คให้แน่ใจว่ากีตาร์ของคุณเสียงไม่เพี้ยนจริงๆ
เพราะถ้าเกิดว่าคุณพยายามจะฝึกเล่นเพลงต่างๆ ด้วยกีตาร์ที่ตั้งสายไม่ตรง
นั่นอาจจะทำให้คุณสับสนได้
โดยบทเรียนส่วนใหญ่ที่คุณเจอในอินเทอร์เน็ตนั้นมักจะตั้งสายแบบมาตรฐานหรือที่เรียกกว่า
Standard tuning
- การตั้งสายแบบมาตรฐานจะนับไล่มาตั้งแต่สายบนจนถึงสายล่าง ซึ่งก็จะตรงกับโน้ต E A D g b e[1]
- ให้คุณดีดสายเปิดบนกีตาร์ทุกสายและเช็คดูว่าเสียงโน้ตที่ออกมานั้นตรงกับที่จูนเนอร์บอกหรือเปล่า
-
2
จับและวางกีตาร์ให้ถูกวิธี. หากคุณนั่งเล่น จะมี 2
วิธีในการจับและวางกีตาร์ ถ้าอยากจะนั่งเล่นแบบธรรมดา
ให้คุณวางกีตาร์บนขาข้างขวาหรือข้างที่คุณถนัด ส่วนอีกวิธีหนึ่งก็คือ
วิธีแบบคลาสสิก
ซึ่งผู้เล่นจะต้องวางกีตาร์ไว้บนขาข้างซ้ายหรือข้างที่ไม่ถนัดนั่นเอง
ซึ่งทั้งสองวิธีนี้
คุณต้องเช็คด้วยว่าได้วางกีตาร์ไว้ติดกับลำตัวของตัวเองแล้ว
ถ้าวางตำแหน่งกีตาร์ได้ถูกต้อง
มันก็จะง่ายต่อการเล่นและจะช่วยป้องกันไม่ให้คุณรู้สึกเมื่อยเวลาเล่นด้วย
ดังนั้น ให้คุณลองจับกีตาร์ทั้งสองแบบ
และดูว่าแบบไหนที่คุณรู้สึกว่าเล่นแล้วสบายที่สุด
[2]
- สไตล์การจับแบบคลาสสิกจะทำให้คุณสามารถควบคุมการเล่นบนคอกีตาร์ได้แทบจะทุกตำแหน่ง
- ส่วนวิธีแบบธรรมดาจะลดความเมื่อยเวลาเล่นได้
- ในขณะที่เล่นอยู่ ให้คุณเช็คด้วยว่ากีตาร์ของคุณตั้งตรงแล้ว เพราะถ้าคุณเอียงกีตาร์เล่น นั่นอาจจะทำให้คุณปวดข้อมือได้
- เวลาที่คุณยืนเล่น เช็คดูให้ดีว่าคุณใส่สะพายกีตาร์เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
และตัวกีตาร์ก็อยู่ติดกับลำตัวคุณโดยที่ด้านบนสุดของกีตาร์อยู่บนหน้าอกคุณ[3]
- วางท่าทางให้ผ่อนคลายเวลาเล่นกีตาร์
-
3
เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างคอร์ดและตัวโน้ต.
คอร์ดจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อคุณเล่นโน้ตพร้อมกัน 2 ตัวขึ้นไปบนสายต่างๆ
เพื่อสร้างเสียงประสานให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
ซึ่งนี่คือสิ่งที่ทำให้เกิดคำว่า “ริทึ่ม” ในดนตรีอะคูสติกนั่นเอง
ส่วนตัวโน้ตเดี่ยวๆ นั้นมักจะใช้สำหรับเล่นโซโล่
และจะเกิดขึ้นเวลาที่คุณเล่นออกมาเป็นโน้ตเดี่ยวๆ
ซึ่งทั้งสองอย่างนี้คือทักษะที่คุณจะต้องฝึกให้คล่องเวลาที่คุณกำลังเรียนรู้วิธีเล่นกีตาร์โปร่ง
[4]
ส่วน 2
เรียนรู้คอร์ดพื้นฐานง่ายๆ ก่อน
-
1
เรียนรู้พื้นฐานการจับคอร์ดเปิด.
คอร์ดเปิด คือ คอร์ดที่ถูกเล่นในส่วนบนสุดของคอกีตาร์ ใกล้ๆ
กับลูกบิดตั้งสาย ซึ่งเวลาที่คุณจะเล่นกีตาร์โปร่ง
การที่คุณรู้ว่าคอร์ดเปิดต้องจับแบบไหนนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับการเล่นในจังหวะริทึ่มแบบเพลงป็อบๆ
ดังนั้น ให้คุณลองดูว่าคอร์ดง่ายๆ อย่างคอร์ด E minor และ A major
นั้นจับแบบไหน เพื่อที่คุณจะได้เข้าใจรูปคอร์ดของคอร์ดเหล่านั้น
[5]
- คอร์ดเปิดสำหรับมือใหม่ส่วนใหญ่ก็จะเป็น 8 คอร์ดดังต่อไปนี้ ได้แก่คอร์ด C A G E D Am Em และคอร์ด Dm
- อย่าเพิ่งตกใจและงงกับจำนวนของคอร์ดเปิดที่มีเยอะมากมายขนาดนี้
แค่เริ่มจากจำแค่คอร์ดสองคอร์ดก่อนก็พอ
เมื่อเล่นได้แล้วก็ค่อยจำคอร์ดเปิดที่มีความซับซ้อนมากขึ้นต่อไปอีก
- สายกีตาร์ทางด้านซ้ายสุดของตารางคอร์ดหมายถึงสายบนสุดของกีตาร์
- สายกีตาร์ทั้ง 6 สายจะนับไล่ตั้งแต่ 1-6 เริ่มจากสายล่างสุดหรือที่เรียกกันว่าสาย 1
-
2
วางตำแหน่งนิ้วที่ถูกต้องบนคอกีตาร์. จุดกลมๆ
ของคอร์ดในตารางคอร์ดคือตำแหน่งการวางนิ้วที่คุณควรจะใช้บนคอกีตาร์
ตัวอย่างเช่น ในคอร์ด A major คุณก็ต้องกดไปที่สาย 2 สาย 3 และสาย 4 บนเฟรต
2 ส่วนคอร์ด E minor ต้องกดไปที่สาย 5 และสาย 4 บนเฟรต 2
โดยให้คุณกดนิ้วลงไปที่สายจนกว่าสายที่คุณกดจะอยู่ติดกับคอกีตาร์
[6]
-
3
ตีคอร์ดด้วยปิ๊กหรือไม่ก็ด้วยนิ้วมือ.
ให้คุณใช้นิ้วกดสายด้วยรูปคอร์ดที่ถูกต้อง
และลองตีคอร์ดด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่กีตาร์โปร่งมักจะมีแอคชั่น
(ระยะตวามสูงระหว่างสายและเฟรตบอร์ด) กีตาร์ที่สูงกว่ากีตาร์ไฟฟ้า ดังนั้น
คุณอาจจะต้องใช้แรงกดให้มากหน่อยเพื่อที่จะได้เสียงที่ดี
หากคุณตีคอร์ดออกมาแล้วเสียงบอด ให้คุณเพิ่มแรงกดสายลงไปอีก
และถ้าหากสายกีตาร์มีเสียงหึ่งๆ หรือเสียงไม่เคลียร์อยู่
ให้คุณลองเลื่อนนิ้วให้ห่างจากแท่งโลหะที่เป็นตัวกำหนดเฟรตบนคอกีตาร์ดู
[7]
- ในตารางคอร์ด คุณจะได้เห็นสัญลักษณ์ตัว o หรือไม่ก็ตัว x
อยู่บนสายต่างๆ
ซึ่งนี่คือตัวกำหนดว่าคุณควรจะเล่นสายไหนและไม่ควรจะเล่นสายไหนบ้าง
- สำหรับคอร์ด A major ให้คุณเล่นทุกสายยกเว้นสายบนสุด
- ส่วนคอร์ด E minor ให้คุณเล่นหมดทั้ง 6 สายเลย
-
4
ลองฝึกเปลี่ยนคอร์ดและเล่นทั้งสองคอร์ดไปด้วยกัน.
แทนที่คุณจะตีอยู่แค่คอร์ดเดียว ให้คุณฝึกเล่นสลับไปมาระหว่าง E minor และ A
major ดู โดยให้คุณตีคอร์ด E minor ขึ้นลง 4 ครั้ง
ก่อนที่จะเปลี่ยนไปจับคอร์ด A major และตีคอร์ดขึ้นลงอีก 4 ครั้ง
-
5
ลองใช้แพทเทิร์นการตีคอร์ดและรึทึ่มแบบอื่นๆ บ้าง.
เมื่อคุณสามารถที่จะตีคอร์ดออกมาให้เสียงเคลียร์ได้แล้ว
ให้คุณลองตีคอร์ดเดิมในความเร็วและจังหวะริทึ่มที่ต่างไปจากเดิมดู
ซึ่งริทึ่มนั้นจะขึ้นอยู่กับแพทเทิร์นในการตีคอร์ดบวกกับระยะที่คุณกดโน้ตต่างๆ
ข้างเอาไว้ โดยให้คุณลองเล่นจังหวะธรรมดาๆ อย่าง 1-2-3-4
หรือที่เรียกกันว่า 4/4 ก่อน
ซึ่งเลขตัวบนนั้นจะแทนจำนวนจังหวะที่อยู่ในแต่ละห้อง ดังนั้น
ให้ลองตีคอร์ดขึ้นลงในหลายๆ รูปแบบ
เพื่อสร้างเสียงที่แตกต่างให้กับริทึ่มของคุณ
เมื่อคุณฝึกเล่นริทึ่มนั้นจนคล่องแล้ว
คุณก็จะสามารถตีคอร์ดทั้งในจังหวะที่เร็วและในจังหวะที่ช้าให้สามารถไปด้วยกันได้
[8]
- ในขณะที่คุณฝึกเล่น คุณอาจจะรู้สึกเจ็บนิ้ว ซึ่งถ้าหากคุณเจ็บจริงๆ ให้คุณหยุดพักก่อนแล้วค่อยกลับมาฝึกใหม่ทีหลัง
ส่วน 3
เล่นตามแทปกีตาร์
-
1
เล่นตามแทปแทนการเล่นตามโน้ตเพลง.
หากคุณอ่านโน้ตไม่เป็น นั่นจะต้องใช้เวลาเยอะมาก
กว่าคุณจะจดจำและอ่านโน้ตได้จนคล่อง ดังนั้น
แทปกีตาร์จึงเป็นวิธีที่ง่ายกว่าในเรื่องของการเขียนเพลงสำหรับผู้เริ่มต้น
เพราะว่าไม่จำเป็นต้องไปเรียนในแบบที่เป็นทางการอะไรเลย
ซึ่งแทปก็แค่บอกคุณง่ายๆ เลยว่า คุณควรจะวางนิ้วไว้ตรงไหนของเฟรตบอร์ด
และควรจะต้องเล่นเพลงนั้นยังไง
[9]
- โน้ตเพลงจะสามารถบอกคุณได้ว่าระยะเว้นห่างระหว่างโน้ตแต่ละตัวนั้นห่างกันเท่าไร
แต่สำหรับการเล่นตามแทป คุณจำเป็นต้องฟังเพลงที่จะเล่นด้วยตัวเองก่อน
- หากคุณสนใจอยากจะเล่นเครื่องดนตรีชนิดอื่น คุณควรจะเรียนวิธีการโน้ตด้วย
-
2
เรียนรู้วิธีอ่านแทป. แทปกีตาร์จะมีเส้น 6
เส้นไว้แทนแต่ละสาย พร้อมกับหมายเลขต่างๆ
ที่ใช้กำหนดตำแหน่งที่คุณควรจะวางนิ้วด้วย
ซึ่งเลขพวกนี้จะแทนเฟรตที่คุณต้องกดสายลงไปเช่น a 1 หมายถึงเฟรต 1 ส่วน a 2
หมายถึงเฟรต 2 และก็เป็นในลักษณะนี้ต่อไปเรื่อยๆ
ซึ่งหมายเลขที่กำหนดมาก็หมายถึงว่า
ให้คุณกดลงไปที่เฟรตนั้นก่อนและดีดโน้ตนั้นออกมา และตามด้วยโน้ตตัวต่อๆ
ไปตามเลขกำกับเฟรตที่อยู่บนแทป
ส่วนตัวเลขที่เรียงพร้อมกันเป็นแนวตั้งนั้นหมายถึงว่า
ให้คุณเล่นโน้ตเหล่านั้นพร้อมกันให้เป็นคอร์ด
[10]
- เวลาอ่านแทปให้อ่านจากซ้ายไปขวา
-
3
ลองคิดดูว่าตัวเองอยากจะเรียนรู้ริฟฟ์กีตาร์แบบไหน.
ให้คุณฟังเพลงที่ตัวเองชอบหลายๆ
เพลงและลองเลือกเพลงที่คุณอยากเล่นมาฝึกสักเพลง
โดยเวลาที่คุณจะเลือกเพลงแรกเพื่อฝึกกีตาร์นั้น
ให้คุณพยายามหาเพลงที่มีทางคอร์ดง่ายๆ
จากนั้นให้ฟังและดูว่าเพลงนั้นต้องเปลี่ยนคอร์ดเยอะแค่ไหน
และมีความเร็วแค่ไหน ถ้าเพลงนั้นใช้คอร์ดไม่เยอะหรือฟังดูน่าจะเล่นง่าย
คุณอาจจะเลือกเพลงนั้นมาฝึกเป็นเพลงแรกของตัวเองก็ได้
- เพลงที่ง่ายต่อการฝึกเล่นกีตาร์ก็อย่างเช่น “Three Little Birds” ของ
Bob Marley และเพลง “Hey There Delilah” ของ Plain White T’s รวมถึงเพลง
“Upside Down” ของ Jack Johnson ด้วย[11]
-
4
เปิดดูแทปของเพลงที่คุณจะฝึกในอินเทอร์เน็ต. พิมพ์ชื่อเพลงและชื่อศิลปินลงไป แล้วเสิร์ชดูแทปของเพลงนั้น เมื่อคุณหาเจอแล้ว คุณก็จะรู้ว่าศิลปินคนนี้ใช้คอร์ดและโน้ตอะไรเล่นบ้าง
-
5
เปิดเพลงนั้นและเล่นตามแทปไปพร้อมๆ กัน.
ให้คุณเปิดเพลงที่คุณจะเล่นไว้อีกหน้าต่างหนึ่ง
แล้วเปิดแทปเพื่อเล่นไปพร้อมกับเพลงนั้น ดูตามคอร์ดและตัวโน้ตที่แทปบอกไว้
และพยายามเล่นตามตัวเลขบนแทปด้วยโน้ตที่อยู่ในเพลงนั้น
โดยให้พยายามทำความเข้าใจก่อนว่าศิลปินคนนี้ใช้คอร์ดอะไรในเพลงนี้บ้าง
ก่อนที่คุณจะเล่นตามเขา
- ให้ฟังเพลงนั้นสัก 3 ถึง 4 รอบ
-
6
เริ่มฝึกเล่นโน้ตตัวอื่นๆ และฝึกจับคอร์ดแบบอื่นๆ บ้าง.
เมื่อคุณมีความเข้าใจพื้นฐานแล้วว่าโน้ตต่างๆ ถูกเล่นออกมายังไงในเพลงนั้น
คุณอาจจะลองเริ่มต้นจับคอร์ดต่างๆ ดูเลยก็ได้
หากเพลงที่คุณจะเล่นนั้นมีแต่คอร์ดที่คุณเล่นจนชินแล้ว
นั่นจะยิ่งทำให้การฝึกเพลงนั้นง่ายขึ้นไปอีก
แต่ถ้าเกิดว่าเพลงนั้นใช้คอร์ดอื่นที่คุณยังไม่เคยเล่นหรือยังไม่ชิน
คุณอาจจะต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งในการปรับให้ตัวเองชินกับคอร์ดเหล่านั้น
ซึ่งถ้าหากคุณไม่คุ้นเคยกับคอร์ดเหล่านั้นจริงๆ
ให้คุณแยกฝึกคอร์ดพวกนั้นก่อน
[12]
-
7
แบ่งเพลงออกเป็นส่วนๆ และฝึกแต่ละส่วนให้คล่อง.
หากคอร์ดและทางคอร์ดของเพลงนั้นเป็นสิ่งที่ใหม่สำหรับคุณ มันจะง่ายกว่า
ถ้าคุณจะแบ่งมันออกเป็นพาร์ทย่อยๆ โดยให้คุณอ่านแทบเพลงนั้นก่อน
และดูว่าท่อนไหนของเพลงที่คอร์ดและรึทึ่มของเพลงนั้นถูกเล่นซ้ำ
จากนั้นก็ฝึกแต่ละส่วนให้คล่อง แล้วค่อยลองเล่นทั้งเพลง
[13]
- หากคุณคุ้นเคยกับคอร์ดที่เพลงนั้นใช้อยู่แล้ว คุณอาจจะลองเล่นเพลงนั้นไปพร้อมๆ กับเพลงที่เปิดขึ้นมาก็ได้
-
8
เล่นเพลงนั้นไปพร้อมๆ กับเพลงจริง.
เมื่อคุณเล่นแต่ละท่อนของเพลงได้คล่องแล้ว
แสดงว่าคุณคงพร้อมที่จะเล่นทั้งเพลงแล้ว ดังนั้น
ให้คุณเปิดเพลงนั้นขึ้นมาและดีดกีตาร์ไปพร้อมๆ กับเพลงนั้น
พยายามรักษาจังหวะการเล่นของตัวเองให้คงที่แบบในเพลง และเล่นไปตามแทป
หากคุณเล่นหลุด ให้คุณเล่นตามที่แทปบอก และกลับไปเล่นใหม่เมื่อคุณพร้อม
เมื่อคุณเล่นริฟฟ์เพลงนั้นได้จนคล่องแล้ว ให้คุณฝึกต่อไปเรื่อยๆ
จนกว่าคุณจะสามารถเล่นได้โดยที่ไม่ต้องดูแทป
- หากกีตาร์ของคุณให้เสียงที่ต่างจากเพลงจริง
นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าสายกีตาร์คุณเพี้ยน
หรือไม่ก็อาจจะเป็นเพราะว่าคุณเล่นผิดโน้ตหรือผิดคอร์ด
- เนื่องจากบางครั้งแทปกีตาร์จากบางเว็บถูกสร้างขึ้นโดยผู้ใช้งานในเว็บเอง
แทปกีตาร์พวกนั้นจึงมักจะไม่ใช่แทปที่ตรงตามเพลงร้อยเปอร์เซ็นต์
ส่วน 4
เพิ่มทักษะของตัวเองแบบรวดเร็ว
-
1
ฝึกเล่นโน้ตเดี่ยวๆ . การกดสายเพื่อที่จะดีดเสียงเพราะๆ
ออกมานั้นบางครั้งก็ยากกว่าที่คิด หากคุณไม่กดสายให้แรงพอ
คุณอาจจะได้เสียงโน้ตแบบบอดๆ และถ้าหากคุณกดสายใกล้กับเฟรตเกินไป
เสียงของโน้ตที่คุณเล่นออกมาก็อาจจะไม่เคลียร์ ดังนั้น
ให้คุณฝึกดีดขึ้นลงที่สายกีตาร์ และฝึกแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ
จนกว่าคุณจะดีดขึ้นลงกับโน้ตต่างๆ บนคอกีตาร์ได้แบบสบายๆ
และให้คุณฝึกเล่นโน้ตไล่กลับไปกลับมาเรื่อยๆ จนกว่าคุณจะดีดได้แบบไม่เกร็ง
- ให้คุณฝึกดีดโน้ตเป็นตัวๆ ไปทีละตัว จนกว่าคุณจะสามารถเล่นไล่โน้ตขึ้นลงไปมาบนคอกีตาร์ได้อย่างสบายๆ
- ในช่วงแรกที่ฝึก คุณอาจจะดีดสายผิด ดังนั้น ให้คุณฝึกต่อไปเรื่อยๆ จนกว่ากล้ามเนื้อคุณจะจำว่าสายที่คุณจะต้องดีดนั้นอยู่ตรงไหน
-
2
เรียนรู้วิธีการเปลี่ยนจากคอร์ดหนึ่งไปยังคอร์ดหนึ่ง.
วิธีหนึ่งในการเล่นกีตาร์ให้คล่องได้เร็วๆ ก็คือ
การเรียนรู้วิธีการเปลี่ยนจากคอร์ดหนึ่งไปอีกคอร์ดหนึ่งด้วยความรวดเร็ว
ซึ่งช่วงเปลี่ยนคอร์ดนั้นมักจะเป็นสิ่งที่ทำได้ยากที่สุดสำหรับผู้เริ่มต้น
ดังนั้น ยิ่งคุณฝึกเปลี่ยนคอร์ดไว้มากเท่าไร
คุณก็จะยิ่งเปลี่ยนคอร์ดได้ดีขึ้นเวลาที่คุณเล่นเพลงต่างๆ ดังนั้น
ให้คุณลองฝึกเปลี่ยนคอร์ดระหว่างคอร์ด G A E และ C ดู
[14]
- ให้เวลาตัวเองสักพักและใส่ใจเวลาที่กำลังจะเปลี่ยนคอร์ดไปเล่นอีกคอร์ดหนึ่ง
-
3
ฝึกอย่างน้อย 20 นาที ให้ได้ 6 วันต่อสัปดาห์.
การฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอจะช่วยพัฒนาทักษะการเล่นกีตาร์ของคุณในช่วงเวลาสั้นๆ
ได้ แต่การหยุดพักนานๆ
และไม่ตั้งใจกับการฝึกนั้นจะทำให้กล้ามเนื้อคุณไม่จดจำสิ่งที่ฝึกไว้
และทำให้คุณพัฒนาทักษะตัวเองได้ช้า ดังนั้น ให้คุณสละเวลาสัก 20
นาทีเพื่อฝึกให้ได้เกือบทุกวัน โดยเวลาที่คุณฝึก
คุณอาจจะฝึกซ้อมเทคนิคต่างๆ หรือไม่ก็ลองเล่นคัฟเวอร์เพลงสักเพลงก็ได้
[15]
- เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองเล่นได้แบบไม่ต้องเกร็งแล้ว และนิ้วคุณก็ไม่ได้เจ็บมากมายอะไร คุณอาจจะซ้อมให้นานขึ้นไปอีกก็ได้
- เมื่อเวลาผ่านไปนานๆ หากคุณฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ปลายนิ้วคุณก็จะด้านไปเอง และนั่นก็จะทำให้คุณเล่นกีตาร์ได้โดยที่ไม่เจ็บนิ้ว
- หากคุณรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ ให้คุณพักก่อน และลองปรับเปลี่ยนตำแหน่งใหม่ เพื่อที่คุณจะได้ไม่เจ็บข้อมือเวลาเล่น
-
4
ดูวิดีโอสอนกีตาร์ออนไลน์.
สมัยนี้มีบทเรียนออนไลน์หลากหลายรูปแบบที่จะช่วยสอนเทคนิคขั้นพื้นฐานหรือเทคนิคขั้นสูงในการเล่นกีตาร์โปร่งให้กับคุณ
ดังนั้น ให้คุณลองเสิร์ชหาวิดีโอสอนกีตาร์บน YouTube
หรือไม่ก็เข้าไปดูในเว็บไซต์ที่มีบนเรียนให้ฟรีก็ได้
เพราะว่ายิ่งคุณเข้าใจแนวทางในการเล่นมากขึ้นเท่าไร
คุณก็จะเล่นกีตาร์ได้ดีมากขึ้นเท่านั้น
- เว็บไซต์สอนกีตาร์ออนไลน์ของชาวต่างชาติที่เป็นที่นิยมก็จะมีทั้ง Guitar Tricks, Justin Guitar, JamPlay และ ArtistWorks[16]
-
5
ดาวน์โหลดแอปฯ ที่จะมาช่วยคุณในการฝึกกีตาร์.
เดี๋ยวนี้มีหลายแอปฯ ที่คุณสามารถดาวน์โหลดลงมือถือได้ ซึ่งมันเป็นแอปฯ
ที่จะช่วยคุณในการเรียนรู้วิธีเล่นกีตาร์โปร่ง โดยแอปฯ
เหล่านี้จะมีตั้งแต่แอปฯ ที่แนะนำคุณไปทีละสเต็ปว่าคุณต้องเล่นยังไง
ไปจนถึงแอปฯ ที่ทำหน้าที่เป็นมิกเซอร์และเครื่องอัดเสียง ดังนั้น
ให้คุณลองเข้าไปที่สโตร์ขายแอปฯ ของมือถือที่คุณใช้อยู่ และหาแอปฯ
ประเภทนี้มาช่วยคุณในการฝึกดู
- แอปฯ ที่คนนิยมใช้กันก็มีทั้งแอปฯ Real Guitar แอปฯ Perfect Ear และแอปฯ GuitarTuna[17]
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น